

BoQ คืออะไร? มาทำความรู้จักกับ BOQ ง่ายๆด้วยตัวเอง
ใครที่กำลังวางแผนก่อสร้างหรือกำลังเตรียมงบประมาณการใช้จ่ายในการก่อสร้างและตกแต่งภายใน คำว่า BOQ คงจะคุ้นหูกันไม่มากก็น้อย วันนี้ Muller Design Solution จะพามาทำความรู้จักกับ BOQ ง่ายๆ เแล้ว BOQ คืออะไร มีความสำคัญกับคุณแค่ไหน คำตอบของทุกคำถามอยู่ที่นี่แล้ว
ในการอธิบายอย่างละเอียดถึงปริมาณการใช้วัสดุ ค่าใช้จ่ายที่ใช้ และค่าแรง
ที่ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายในการสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้างขนาดใหญ่หรือเล็กก็ตาม เอกสารนี้เรียกว่า BOQ


Step 1: ทำความรู้จักกับ BOQ
“BOQ” หรือชื่อเต็ม ๆ คือ “Bill of Quantities“
เป็น เอกสารแสดงราคากลางในการก่อสร้าง
ที่ใช้ในขั้นตอนการหาผู้รับเหมาก่อนที่จะทำการก่อสร้าง
รายละเอียดด้านในจะเป็นรายการที่แสดงปริมาณงานและราคาวัสดุก่อสร้างที่ถอดมาจากแบบก่อสร้างทั้งหมด
ทั้งจากแบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง และแบบวิศวกรรมงานระบบต่าง ๆ
ซึ่งจะแยกเป็นหมวดหมู่งานอย่างละเอียด เช่น งานเตรียมพื้นที่
งานโครงสร้าง (ฐานราก คาน เสา พื้น และโครงหลังคา) งานมุงหลังคา งานฝ้าเพดาน งานผนัง
งานพื้น งานทาสี งานระบบไฟฟ้า งานประปาและสุขาภิบาล เป็นต้น
โดยจะแจกแจงเป็นรายการต่าง ๆ ในแต่ละหมวด พร้อมทั้งมีการระบุประเภท ขนาด
ราคาของวัสดุ ปริมาณหรือพื้นที่ที่ใช้ รวมถึงค่าแรงในแต่ละรายการเอาไว้ด้วย


Step 2: BOQ มีความสำคัญแค่ไหน?
2.1 BOQ ใช้ในการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารได้
สำหรับผู้ที่วางแผนกู้เงินเพื่อสร้างบ้าน คุณสามารถยื่นใบเสนอราคา BOQ งานก่อสร้างจากผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาก่อสร้างให้แก่ธนาคารเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ โดยธนาคารจะพิจารณาว่าวงเงินที่คุณขอกู้นั้นสอดคล้องกับ BOQ งานก่อสร้างที่ระบุไว้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้การขอกู้เงินสร้างบ้านราบรื่นยิ่งขึ้น
2.2 BOQ ใช้ในการเปรียบเทียบราคากลางได้
ในกรณี BOQ ที่มาจากผู้ออกแบบบ้าน พวกเขามักจะใส่ราคาวัสดุคร่าว ๆ
เพื่อคำนวณงบประมาณการก่อสร้างไว้ให้คุณแล้ว คุณสามารถใช้เอกสารนี้
เป็นราคากลาง BOQ สำหรับเปรียบเทียบกับ BOQ ของผู้รับเหมาอื่น ๆ ที่เสนอมาได้
ซึ่งจะจึงทำให้เห็นภาพว่าผู้รับเหมารายใดให้ราคาที่เหมาะสม ทั้งเรื่องงบประมาณและคุณภาพวัสดุที่ใช้ที่สุด
2.3 BOQ ใช้ในการตรวจงานและมาตรฐานวัสดุได้
BOQ ก็เปรียบเสมือนรายการตรวจเช็กสำเร็จรูปที่คุณไม่ต้องนั่งคิดเอาเองว่าจะต้องเช็กอะไร
คุณสามารถใช้ตรวจวัสดุต่าง ๆ ได้ว่าถูกต้องตามรายการที่ระบุไว้หรือไม่
มีวัสดุหรืองานใดที่ขาดตกบกพร่องไปหรือไม่ ซึ่ง BOQ สามารถตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมาได้ ทั้งในระหว่างก่อสร้างและในเวลาตรวจรับงานก่อนส่งมอบ


Step: 3 ใครเป็นผู้จัดทำ BOQ?
โดยปกติสถาปนิกจะเป็นผู้จัดทำให้ตามที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้าง
แต่ถ้าหากไม่มีระบุไว้ในสัญญา เราควรจัดหาผู้เชี่ยวชาญให้เป็นผู้จัดทำ
โดยให้สถาปนิกจะเป็นผู้ช่วยตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้องอีกครั้ง


Step 4: คำนวณ BOQ อย่างไร?
โดยปกติแล้วผู้ออกแบบบ้านหรือผู้รับเหมาก่อสร้างต้องคิดคำนวณ BOQ ให้คุณ
แต่ถ้าคุณต้องการคำนวณค่าใช้จ่ายเองเพื่อมอบหมายให้ผู้รับเหมาเสนอค่าแรง
หรือตรวจเช็กความสอดคล้องกับ BOQ ของผู้รับเหมา
เรามีขั้นตอนการคำนวณ BOQ คร่าว ๆ มาให้คุณทำเองได้ดังนี้
4.1 จัดหมวดหมู่งาน
การจัดหมวดหมู่งานเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อแยกประเภทงานก่อสร้างทั้งหมดออกเป็นกลุ่ม
เช่น งานเตรียมพื้นที่ งานพื้นผิว งานโครงสร้าง งานหลังคา งานฝ้าเพดาน งานผนัง
งานประตูหน้าต่าง งานทาสี งานไฟฟ้า งานประปา งานสุขภัณฑ์ งานตกแต่งภายใน และงานตกแต่งภายนอก
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำอะไรบ้าง หรือหากแค่อยากต่อเติมก็จะคิดเฉพาะวัสดุที่ต้องใช้
4.2 วัดขนาดพื้นที่
ควรใช้หน่วยเมตรและตารางเมตรเป็นหลักในการวัดพื้นที่ เพราะเป็นหน่วยมาตรฐานที่ใช้ซื้อขายวัสดุก่อสร้าง เช่น พื้นที่บ้านวัดได้ 130 ตารางเมตร คุณก็ระบุใน BOQ บ้านได้ว่า ต้องใช้กระเบื้องปูพื้นประมาณ 130 ตารางเมตร หรือในบ้าน 2 ชั้นที่ต้องการเดินสายไฟให้ครบทุกห้อง และวัดความยาวได้ประมาณ 300 เมตร คุณก็ต้องใช้สายไฟม้วน 50 เมตร จำนวน 6 ม้วน เป็นต้น
4.3 สำรวจราคา
แนะนำให้สำรวจราคาในร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่
เพราะร้านค้าเหล่านั้นมักจะมีบริการทำใบเสนอราคาตามรายการที่คุณต้องการ
โดยไม่ต้องเสียเวลาเช็กราคาเอง แต่ถ้าคุณไม่สะดวกหรือไม่มีเวลาเดินทาง
คุณสามารถพึ่งพาร้านขายวัสดุก่อสร้างบนอินเทอร์เน็ตในการค้นหาราคาวัสดุที่ต้องการได้ง่าย ๆ
4.4 เคาะราคาที่ต้องจ่าย
คุณสามารถคิดค่าวัสดุที่ต้องใช้ได้ง่าย ๆ ด้วยการนำ ปริมาณวัสดุ x ราคาต่อหน่วย = ราคาวัสดุที่ต้องใช้ ส่วนค่าแรงนั้นจะคิดยากกว่าพอสมควรเนื่องจากผู้รับเหมาแต่ละรายคิดค่าแรงไม่เท่ากันและไม่มีมาตรฐานตายตัว แต่คุณก็สามารถคาดคะเนได้คร่าว ๆ ดังนี้
- งานขนาดเล็กหรืองานง่ายให้ใช้แบบราคาไม่เกิน 50 บาทต่อหน่วย
- งานขนาดปานกลางหรืองานทั่วไปให้ใช้แบบราคาไม่เกิน 120 บาทต่อหน่วย
- งานขนาดใหญ่หรืองานยากให้ใช้แบบราคาไม่เกิน 500–1,000 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาต่อหน่วยจะขึ้นอยู่กับพื้นที่จังหวัดด้วย คุณจึงต้องดูรายระเอียดการเสนอราคา
เพื่อให้ได้ราคาที่ตรงใจ เหมาะสม และอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ค่ะ


Step 5 : เลือกผู้รับเหมาให้ตรงใจ
เมื่อได้ราคาก่อสร้างจากผู้รับเหมาแต่ละรายแล้ว เกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกผู้รับเหมา
ซึ่งนอกจากจะเปรียบเทียบราคาค่าแรงและวัสดุแล้ว ควรพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
5.1 ศักยภาพของผู้รับเหมา
5.2 ความถนัดในงานที่ทำ
5.3 ดูผลงานที่ผ่านมา
5.4 มีเอกสารสัญญา และแบบก่อสร้างที่ชัดเจน ใช้เป็นหลักฐานในแง่กฎหมาย
และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกันที่ชัดเจน ลดการผิดพลาดในการทำงาน
5.5 การรับประกันผลงาน ผู้รับเหมาที่ดีนอกจากจะต้องทำงานได้ดี มีคุณภาพ เสร็จตรงตามกำหนดเวลาแล้ว
โดยควรรับประกันผลงานหลังจากก่อสร้างเสร็จแล้วอย่างน้อย 1 ปี
แม้ว่าคุณจะไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้าง แต่ด้วยการคำนวณแบบนี้
คุณก็จะทราบค่าแรงโดยประมาณ และสามารถนำมารวมกับราคาวัสดุ
เพื่อหาจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายในเบื้องต้นสำหรับงานก่อสร้างได้
แต่ทั้งนี้ ราคา BOQ งานก่อสร้างที่เห็นนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นราคาสุทธิที่คุณต้องจ่ายเสมอไป
เพราะในระหว่างการก่อสร้างอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายจริงแตกต่างจากเอกสารได้
เช่น การเปลี่ยนแปลงวัสดุ (โดยตกลงกันแล้ว) และการแก้ไขงานเมื่อพบอุปสรรคในระหว่างก่อสร้าง
นอกจากนี้ การตรวจสอบความคืบหน้าและการตรวจรับงานในแต่ละช่วง
โดยยึดตามรายการวัสดุใน BOQ ยังช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ทำให้ได้บ้านที่ตอบโจทย์และตรงกับที่ต้องการมากที่สุดตามรายการใน BOQ ที่ตกลงกันไว้
และป้องกันการถูกโกงค่าวัสดุก่อสร้างและสเปกวัดุสก่อสร้างอีกด้วย
Muller Design Solution
เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบงานสถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่งภายในและผลิตเฟอร์นิเจอร์ครบวงจร
เราช่วยให้การออกแบบเป็นเรื่องง่าย ตอบทุกโจทย์ทุกสไตล์ที่คุณต้องการ
เรามีทีมงานก่อสร้างระดับพรีเมี่ยมที่จะเนรมิตความคิดสร้างสรรค์และความฝันของคุณให้เป็นจริง